เรียกได้เป็นเรื่อวราวอีกหนึ่งเรื่องราวที่มีการแชร์เยอะมากในโลกออนไลน์ เทื่อสมาชิกเฟซบุีกชื่อ เฉลิมพนธ์ ใหญ่ หงษ์ยนต์ ประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำ ภาค 7 ได้โพสต์เฟซบุ๊กในช่วงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยได้ระบุข้อความว่า เคสนี้เกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็น เรี่องมีอยู่ว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพย์มีประชาชนขอความช่วยเหลือ ให้ค้นหาของบางอย่างในเขื่อนศรีนครินทร์ พอดีวันนี้ว่างก็เลยรับปากว่าจะเดินทางไปค้นหาให้ โดยไม่ได้ถามรายละเอียดมากนัก ดังนั้นผมจึงจัดเตรียมอุปกรณ์ไปกับลูกน้อง 2 คน เมื่อเดินทางไปถึงแพพักหลังหนึ่งที่ลอยอยู่ในน้ำเหนือเขื่อนก็ได้สอบถามเขาว่าจะให้ค้นหาอะไร เขาบอกว่าไม่รู้เหมือนกันแต่ลูกสะไภ้เขาฝันเห็น 3 วันติดแล้วว่ามีผู้หญิงแต่งตัวสวยมาบอกว่าให้ช่วยด้วย เขาอยู่ในน้ำมานานแล้ว
ผมก็สอบถามอีกว่าจะค้นหาตรงไหนถ้าไม่รู้จุด เขาบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ทำให้ผมก็งงทำอะไรไม่ถูกเลย ก็เลยบอกเขาว่าไหนๆผมก็มาแล้ว จะลองค้นหาดูให้อาจจะเป็นต้นตะเคียนหรือเรือลำใหญ่ แล้วผมขอให้เจ้าของแพจัดเตรียมบายศรีให้ 1 ชุด คือมีกล้วยน้ำว้า 1 หวีพวงมาลัย 1 พวงแล้วก็น้ำ 1 ขวด โดยผมจะลองทำพิธีขอขมาเสี่ยงทายดู พอได้ของครบเราก็เริ่มทำพิธีกันเลย จุดธูป 16 ดอกขออโหสิต่อเจ้ากรรมนายเวรและขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณนี้ ช่วยดลจิต ดลใจให้เจอสิ่งที่ต้องการความช่วยเหลือนี้ด้วยเถอะ เสร็จแล้ว ผมกับลูกน้องก็ลงค้นหาเลย
โดยเริ่มค้นหาตั้งแต่ใต้แพของคนที่บอกว่าฝันเห็น ค้นไปเรื่อยๆ น้ำใต้แพเป็นเหวลึก 20-40 ม.อุณหภูมิใต้น้ำเย็นมาก ผมไต่ระดับลงไปกับลูกน้องคนละทุ่น ลงไปถึงที่ระดับความลึก30ม.ลูกน้องก็ทำสันยานว่าเจออะไรบางอย่าง น้ำวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็พอมองเห็น ตกลงที่เจอเป็นเรือหาปลาของชาวบ้านจมมาหลายปีแล้ว แต่น่าจะไม่ใช่สิ่งที่เราค้นหา จึงตกลงกันว่าจะให้ลองลงไปหาค้นหาใหม่อีกครั้ง โดยผมจะลงไปค้นหาอีกรอบ พร้อมกับอธิฐานในใจว่า ถ้าเรามีบุญต่อกัน ขอให้ได้พบเห็น พบเจอกันน่ะ แล้วผมก็ลงค้นหาโดยดำลึกลงไปอีกไปตามล่องเขาซึ่งยังมีต้นไม้ใหญ่น้อยอยู่ใต้น้ำหลายต้นมองดูเหมือนเป็นป่าที่มีแต่ต้นไม้ตั้งอยู่เรียงรายแต่ไม่มีใบ อุณหภูมิน้ำเย็นมากกว่าลงครั้งแรก วังเวงมาก
โดยผมมีไฟฉายกับมีดหนึ่งเล่มเป็นเพื่อนเท่านั้น ค้นหาอยู่ประมาณ20นาที โดยใช้ไฟฉายส่องไปรอบๆแล้วทันใดนั้น ทันทีที่ผมวาดไฟฉายไปทางซ้ายมือของผม สิ่งที่ผมเห็นก็คือ ผมเห็นเหมือนมีคนยืนอยู่บนขอนไม้ใหญ่ ผมก็นึกว่าเป็นลูกน้องผมตามลงมา ก็เลยไม่ใส่ใจอะไรกะว่าจะแยกกันค้นหา ดำไปได้อีกพักนึง ผมมองดูที่มาตรวัดอากาศในถังเหลืออยู่50บาร์ ก็เลยต้องขึ้นมาก่อน พอขึ้นมาข้างบนก็เห็นลูกน้องนั่งกินข้าวอยู่ ก็เลยถามว่าทำไมขึ้นมาเร็วจัง ลูกน้องผมก็ตอบมาว่า ผมยังไม่ได้ตามลงไปเลย หิวข้าวเลยกินข้าวก่อน มันตอบอย่างนี้ผมทำไรไม่ถูกเลย แล้วเป็นใครที่เราเห็น
แต่ก็อยากพิสูตรให้เห็นเลยว่าอารัยที่ผมเห็นเมื่อครู่ เปลี่ยนถังเสร็จก็ลงไปอีกค้นหารอบนึง คราวนี้ลงคนเดียว ไต่ระดับลงไปที่เดิม มองเห็นขอนไม้ใหญ่ท่อนเดิม แต่ไม่มีอะไรนอกจากนั้น แต่พอผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิดหนึ่ง สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมตกใจเลยครับ เป็นหญิงสาวสวมใส่ชุดสไบโบราณสีเขียว ยืนเกาะขอบเรือลำใหญ่อยู่ ซึ่งมองไปครั้งแรก ทำไมไม่เห็นเรือ ผมก็นึกในใจอากาศในถังทำผมรึปล่าว พอตั้งสติ ได้ผมก็ยกมือขึ้นไหว้ขอขมา แล้วก็ดำเข้าไปผูกที่หัวเรือ ระหว่างที่ดำเข้าไปก็ไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นแล้วครับ ผมจึงตั้งหน้าตั้งตาผูกเชือกกับจุดที่แข็งแรงจนเสร็จ
ก็ขึ้นมาเตรียมอุปกรณ์เพื่อกู้เรือให้ขึ้นมา โดยยังไม่เล่าเรื่องที่ผมเห็นให้ใครฟัง เดี๋ยวไม่มีใครช่วยเอาเรือขึ้น ใช้เวลากู้ขึ้นมา 2 ช.ม. โดยใช้ถัง 200 ลิตร5ใบลงไปผูกแล้วอัดลมให้ลอยขึ้นมาเรือยังสมบูรณ์มากครับ สวยมากไม่มีรอยรั่วเลย ทุกวันนี้เรือลำนี้ตั้งอยู่ที่วัดหม่องกะแทะ ใกล้กับเขื่อนศรีนครินทร์ ชาวบ้านที่นั่นรู้ข่าวเอาแบงค์ร้อยแบงค์พันร่วมทำบุญให้วัดกันหลายคน ส่วนผมก็ปลื้มใจที่นำเขาขึ้นจากน้ำได้ โดยผมคิดว่าถ้าสิ่งที่ผมเห็นมีจริงก็คงไม่ต้องทนหนาวอยู่ใต้น้ำอีกต่อไปแล้วครับ
ขอบคุณ เฉลิมพนธ์ ใหญ่ หงษ์ยนต์ , ข่าวไทย